เมนูอาหารต้านโรค
ไขมันในเลือดสูง ความดันเลือดสูง โรคหัวใจ
1. กินอาหารไทย แกงส้ม ต้มยำ แกงเลียง น้ำพริก ลาบ ยำ หลีกเลี่ยงอาหารผัด ทอด ไข่ เนย นม กะทิ
2. เพิ่มสารเส้นใยในอาหาร กินข้าวกล้องทุกมื้อ กินผักพื้นบ้านที่มีสารเส้นใยสูงๆ เช่น มะเขือพวง มะระขี้นก สะเดา โดยนำมากินกับน้ำพริก วันละประมาณ 200 กรัม
3. กินกระเทียมวันละ 10 -15 กลีบ โดยกินสดกับยำ แกล้มกับน้ำพริกโดยเลือกกินเวลาเย็น เพราะมีข้อสังเกตว่าการกินกระเทียมในเวลาเย็นสามารถลดไขมันเฉพาะไตรกลีเซอไรด์ได้ดีกว่า
4. กินปลา และสัตว์น้ำแทนเนื้อสัตว์บกประมาณ 3 เดือนจะได้อาศัยน้ำมันปลาช่วยลดไขมันในเลือดลง
5. ออกกำลังกายด้วยวิธีการแอโรบิกเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน
6. คลายเครียด ด้วยการใช้ดนตรีบำบัด ด้วยการฝึกหายใจ ฤาษีดัดตน โยคะ ชี่กง เป็นต้น หรือปฏิบัติสมาธิเป็นประจำ
7. ในกรณีความดันเลือดสูงและโรคหัวใจ กินผักพื้นบ้านที่มีฤทธิ์ ขับปัสสาวะเป็นประจำ เช่น กระชาย ยอดกระเจี๊ยบ ตะไคร้ พลูคาว เป็นต้น การต้มน้ำตะไคร้ดื่มแทนชาก็ช่วยได้
8. ในกรณีความดันเลือดสูงคั้นน้ำใบบัวบกสดๆครั้งละ 1 กำมือ กินทุกวัน จะช่วยลดความดันเลือดลงได้
แกงเลียงผักรวม
เครื่องน้ำพริก
พริกไทย
10 เม็ด
หอมแดง
4 หัว
กระชาย
2 รากหั่นชิ้นเล็กๆ
กุ้งแห้งป่น
2 ช้อนโต๊ะ
ทั้งหมกตำรวมกันให้ละเอียด
เครื่องปรุงอื่นๆ
น้ำซุปผัก
5 ถ้วยตวง
ซีอิ๊วขาวปรุงรสหรือน้ำปลา
กระชายหั่นฝอยตามยาว
? ถ้วยตวง
ใบแมงลัก
? ถ้วยตวง
ผักชนิดต่างๆรวมกัน
6 ถ้วยตวง
(ผักที่ใช้ได้แก่ ฟักทอง บวบเหลี่ยม น้ำเต้า ข้าวโพดอ่อน ตำลึง เป็นต้น)
วิธีทำ
1. ผักที่ไม่มีเปลือก ให้เด็ดหรือหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ
2. ผักที่มีเปลือกปอกเปลือกออกก่อน เอาเมล็ดออก แล้วหั่นเป็นชิ้นโตๆ แต่ถ้าเป็นฝักอ่อน เช่น น้ำเต้า หรือบวบไม่ต้องเอาเมล็ดออก
การปรุงแกง
1. ละลายน้ำซุปกับเครื่องปรุงที่ตำไว้ คนให้ละลายแล้วจึงตั้งไฟให้เดือด
2. ใส่ผักที่สุกยากลงก่อนสัก 2 - 3 นาที จึงใส่ผักที่สุกง่ายตามลำดับ ปิดฝาหม้อสักพัก จึงปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว
3. ใส่กระชายหั่นฝอย และใบแมงลัก ปิดฝาหม้อยกลงจากเตาพร้อมจะเสิร์ฟได้
โรคอ้วน
อาหารแนะนำ
1. จำกัดน้ำมันหรือไขมันให้เหลือวันละ 10% เทียบกับปริมาณน้ำมันเท่ากับวันละเพียง 1- ครึ่ง ช้อนชา
2. กินผักสดและผลไม้สดให้มาก วันละ 5 - 6 ส่วนอาหาร ยกเว้นกล้วย ทุเรียน ลิ้นจี่ และลำไย
3. หันมากินข้าวกล้องหรือขนมปังโฮล์วีท เฉพาะมื้อเช้าและเที่ยง
4. อาหารโปรตีนให้เป็นเนื้อปลาหรือเต้าหู้เท่านั้น วันละไม่เกิน 1 ฝ่ามือของตัวเอง
5. เสริมอาหารประเภทเส้นใย เช่น บุก พุงทะลาย เม็ดแมงลัก
อาหารควรงด
1. คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ได้แก่ น้ำตาลทราย น้ำอัดลม ลูกกวาด ลูกอม ขนมหวาน
2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
3. กาแฟ ทั้งใส่น้ำตาลและไม่ใส่น้ำตาล
4. อาหารขยะทุกประเภท
แกงส้มผักรวม
เครื่องปรุง
ผักที่ใช้แกง เช่น ฟักข้าว แตงโมอ่อน ดอกแค ยอดฟักทอง ผักกระเฉด ยอดผักโขมหนาม ยอดกระเจี๊ยบ หัวไชเท้า ฝักกระเจี๊ยบ ฝักกาดขาว กวางตุ้ง ยอดผักหนาม กะหล่ำปลี ใบมะขามอ่อน
เครื่องน้ำพริก
พริกแห้ง
3 - 5 เม็ด เอาเมล็ดออกแช่น้ำให้นิ่ม
หอมแดง
5 ตัว
ข่า
5 แว่น
กระชาย
5
ราก
รำข้าวอ่อน หรือเนื้อปลาต้มสุก
2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุงน้ำปรุงรส
น้ำส้มมะขามเปียกและน้ำตาลโตนด หรือน้ำอ้อยและซีอิ๊วขาวหรือน้ำปลา ปรุงให้ได้ 3 รสเปรี้ยว เค็ม หวาน นำไปตั้งไฟให้เดือด แล้วทิ้งให้เย็น ถ้าเหลือเก็บเข้าตู้เย็น
วิธีทำ
1. กะน้ำซุปให้พอดีกับผักอย่าให้มากเกินไป เพราะจะมีน้ำผักออกมาอีก ใส่หม้อน้ำเอาน้ำพริกที่ตำไว้ละลายกับน้ำซุป ตั้งไฟให้เดือด
2. ปรุงรสให้ได้ 3 รส คือ เปรี้ยวนำ หวาน เค็มตาม
3. พอน้ำแกงเดือด ใส่ผักที่สุกยากลงก่อน ผักที่สุกง่ายใส่ทีหลัง
4. ชิมรสดูอีกครั้ง เพราะน้ำผักออกมาอาจทำให้รสจืดไป ต้องปรุงใหม่
โรคกระเพาะอาหาร ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
1. พักการทำงานของกระเพาะอาหารสัก 2 - 3 วัน โดยการกินข้าวกล้องต้มเละๆ สลับกับผลไม้หรือน้ำผลไม้เท่านั้น
2. กินขมิ้น โดยนำมาโขลกกับเกลือและกระเทียม แล้วผัดน้ำมัน คลุกข้าวทุกมื้อ อาหารที่ใส่สมานแผลในกระเพาะอาหารให้หายเร็วขึ้น
3. ถ้ามีอาการปวดมากอาจจะต้องอาศัยการฝังเข็มหรือกดจุด
4. ผักพื้นบ้านที่มีรสร้อนและมีน้ำมันระเหยประเภทขิง กะเพรา พริกไทย ตะไคร้ กระชายจะช่วยได้ อาจจะนำมาต้มเป็นชาสมุนไพร ดื่มประจำหรือกินเป็นอาหารก็ได้ ชามะตูมก็ช่วยย่อยอาหารได้ดี
5. ถ้าอาหารไม่ย่อย สามารถใช้ผักพื้นบ้านต่อไปนี้คือ
ตำลึงลวกจิ้มน้ำพริก หรือแกงจืด จะช่วยย่อยแป้งได้ดี
สัปปะรด หากนำมาคั้นน้ำดื่มจะช่วยย่อยอาหารประเภทโปรตีน
เวลากินเนื้อสัตว์ให้ใช้ผัก และสมุนไพรที่สามารถช่วยย่อย เช่น ใบหูเสือ พริกหอมปรุงลงไปด้วย
เวลากินมันๆ ให้ใส่ใบกะเพรา และขิงลงไป เพราะใบกะเพราช่วยย่อยไขมันได้ดี ขิงช่วยขับน้ำดีทำให้การ ดูดซึมของไขมันดีขึ้น
ข้าวกล้องอบขมิ้น
เครื่องปรุง
ข้าวสวยกล้อง
1 ถ้วย
กระเทียม
2-3 กลีบ
ขมิ้น
1 แง่งเล็กๆ
เกลือ
นิดหน่อย
น้ำมัน
1 ช้อนชา
วิธีทำ
โขลกกระเทียม ขมิ้น และเกลือเข้าด้วยกัน เอาน้ำมันใส่กระทะ เอาเครื่องลงผัดจนหอม จึงเอาข้าวลงคลุกอบไว้สักครู่
ต้มโคล้งหัวปลี
เครื่องปรุง
หอมแดงทุบพอแตก
3 หัว
ตะไคร้หั่นเป็นท่อนทุบพอแตก
1 ต้น
พริกขี้หนูสดทุบพอแตก
5 เม็ด
ข่าหั่นเป็นแว่นบางๆ
5 แว่น
พริกแห้งเอาเม็ดออกหักเป็นท่อนๆ 5 เม็ด
มะม่วงดิบซอย
1/4 ถ้วยตวง
น้ำส้มมะขามเปียกและซีอิ๊วขาวหรือน้ำปลาปรุงรส
ใบมะกรูดฉีก
3 ใบ
ใบผักชีฝรั่งหั่นเป็นท่อน
5 ใบ
น้ำซุปผัก
3 ถ้วยตวง
หัวปลีเผาไฟ
1 หัว
วิธีทำ
1. หัวปลีเผาไฟทั้งหัวจนสุกถึงข้างใน ลอกส่วนไหม้ไฟออกทิ้งแล้วหั่นเป็นชิ้นโตๆ พอคำ
2. ตั้งน้ำซุปให้เดือด ใส่หัวปลีเผาแล้วเติมหอมแดง ตะไคร้ ข่า พริกแห้งเผา พริกขี้หนู ใบมะกรูดฉีก ต้มไปสักครู่
3.ใส่มะม่วงซอย ใบผักชีฝรั่ง
4. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามกับซีอิ๊วขาวหรือน้ำเปล่า ตามชอบ พร้อมเสิร์ฟได้
อาหารต้านมะเร็ง
อาหารแนะนำ
1. ผักสดและผลไม้สด เน้นที่ความสดและเน้นที่ปริมาณมาก ดังนั้นจะเป็นน้ำคั้นจากผักหรือผลไม้ก็ได้
2. ซุปผักได้จากการต้มและผลไม้ (กะหล่ำปลี 1 หัว หอมใหญ่ 4 หัว แครอท 2 หัว มะเขือเทศ 2 หัว เปลือกมันฝรั่งติดเนื้อ 2 ลูก) ใส่น้ำพอท่วมต้มให้เดือดแล้วราไฟให้ใช้ไฟอ่อนๆ จนน้ำผักซึมออกมาเอง น้ำซุปที่ได้จะเป็นน้ำที่ออกมาจากผักล้วนๆ
3. ข้าวกล้องและข้าวโพด
4. ลูกเดือย เม็ดบัว เผือก มัน
5. เส้นหมี่ข้าวกล้อง ก๋วยเตี๋ยวข้าวกล้อง
อาหารควรงด
ในระยะแรก 1 - 3 เดือนให้งด
1.เกลือ งดเกลือแกง น้ำปลา เพื่อให้ได้โปแทสเซียมจากผักและผลไม้ให้มาก
2.ไขมัน งดไขมันทุกชนิดอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันพืชหรือน้ำมันหมู
3. เนื้อสัตว์ รวมทั้งปลา กินมังสวิรัติแทน
ผัดผักพื้นบ้านรวมมิตรกับเห็ดหอม
เครื่องปรุง
ใช้ผักพื้นบ้านที่หาได้ในฤดูฝน หรือตลอดปี ได้แก่ ดอกข้าวสาร ผักกูด ผักเขียด ผักเชียงดา ดอกผักปลัง ถั่วพื้นเมืองสีม่วง ข้าวโพดอ่อน ชนิดที่เป็นดอกเด็ดเป็นช่อ ๆ ชนิดเป็นยอดอ่อนหรือฝัก หั่นเป็นท่อนสั้นๆ ชนิดที่เป็นใบอ่อนเด็ดเป็นใบๆ (จำนวนตามต้องการ)
เห็ดหอมล้างสะอาด แช่น้ำร้อนให้นิ่ม หั่นเป็นชิ้นโต เก็บน้ำที่แช่ไว้ กรองให้สะอาด
วิธีทำ
1. ตั้งกระทะบนเตาให้ร้อน ใส่เห็ดหอมลงในกระทะ
2. ใส่กระเทียมสับหยาบๆลงผัดให้หอม
3. ใส่ผักที่สุกยากลงก่อน ได้แก่ ถั่วพื้นบ้าน ตามด้วยยอดอ่อน ดอกและใบผักตามลำดับ
4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและเกลือเล็กน้อย ถ้าแห้งไปเติมน้ำซุปผักลงนิดหน่อย
5. ใส่เห็ดหอมที่หั่นไว้ลงเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรยพริกไทยป่นเสิร์ฟได้
น้ำกระเจี๊ยบแดง
กระเจี๊ยบแดง Roselle, Jamaican Sorrel.
สรรพคุณ
ใช้ใบกระเจี๊ยบแดง รสเปรี้ยว เพราะมีกรดอินทรีย์ เหมาะสำหรับการแก้ไอ กัดเสมหะ ขับเมือกมันในลำไส้ลงสู่ทวารหนัก ลูกอ่อนรสจืด เย็น ยอดอ่อนมีรสเปรี้ยว
กระเจี๊ยบแดง 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 43 กิโลแคลอรี
เส้นใย
1.3 กรัม
แคลเซียม
9 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส
4 มิลลิกรัม
เหล็ก
0.8 มิลลิกรัม
วิตามินเอ
10833 IU
วิตามินบี1
0.11 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2
0.24 มิลลิกรัม
ไนอาซิน
4.5 มิลลิกรัม
วิตามินซี
44 มิลลิกรัม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น